ประวัติที่มาของกีตาร์ Takamine ตัวเเรกของโลก

 

จุดเริ่มต้นของกีตาร์ "Takamine" ทาคามิเน๊ะ

   เมื่อปี ค.ศ.1959 Takamine "ทาคามิเน๊ะ" ได้เริ่มต้นตำนานแห่งการผลิต โดยได้สร้างโรงงาน ผลิตอยู่ ณ หุบเขา Takamine เมื่อง Gifu ที่ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งไม้ เนื่องจากมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ พรั่งพร้อมด้วยช่างไม้ฝีมือเยี่ยม ผู้ที่เต็มไปด้วยหัวใจแห่งศิลป์ะงานไม้ กับการสร้างตำนานมากว่า 50 ปีบนถนนสายดนตรี

    ทุกอย่างได้เริ่มต้นจากดนตรีในแนว "folk music" ในท้ายของยุด 60's,ซึ่งทำให้กีต้าร์โปร่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่น ทำให้เกิดช่างฝีมืองานไม้มากมายที่ผกผันตัวเองสู่อุตสาหกรรมการสร้างกีต้าร์ซึ่งทาคามิเน๊ะนั้นได้สั่งสมประสบการณ์และรวบรวมเอาช่างฝีมือเข้ามาและแน่นอน ทุกๆความสำเร็จที่แท้จริงนั้นย่อมไม่มีทางลัดสิ่งเหล่านี้ได้ถูกสั่งสมมาเรื่อยๆเพื่อรอวันที่จะเผยตัวตนเมื่อเวลามาถึง

สู่โลกกว้าง

    MR.Hirade นักกีต้าร์คลาสสิคญี่ปุ่นผู้เลื่องชื่อได้เข้ามาในปี ค.ศ.1968 ชายผู้ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาและผลักดัน กีต้าร์ทาคามิเน๊ะ สู่สายตาชาวโลกเขามีส่วนสำคัญในการออกแบบคิดค้น และพัฒนาจนกระทั่งปัจจุบันทาคามิเน๊ะได้ผลิต"กีต้าร์คลาสสิค"ประจำตระกูลของเขาตามชื่อ Hirade



    ในกลางทศวรรษที่ 70 Mr.Hirade ได้ตัดสินใจตั้งยี่ห้อของบริษัทตามชื่อหุบเขาที่เป็นที่ตั้งโรงงาน TAKAMINE เพื่อที่จะเปิดตลาดส่งออก ทาคามิเน๊ะ สู่ทั่วโลกโดยบริษัทฯจัดจำหน่ายที่มีบทบาทมากในเวลานั้นคือ Kaman Music Corporation บริษัทจากประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยคุณภาพของเสียงอคูสติก Unplug อันเป็นเอกลักษณ์ะของทาคามิเน๊ะนั้นเป็นที่โดดเด่นทำให้บริษัท "Kaman Music"ได้เล็งเห็นถึงโอกาศที่จะนำเสนอกีต้าร์ทาคามิเน๊ะสู่สายตาของนักกีต้าร์ทั่วโลกด้วยศักยภาพทางการตลาดของ Kaman ที่มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายครอบคลุมสหรัฐอเมริกาและยุโรป

    ในเวลานั้น นักกีต้าร์มืออาชีพ มักจะประสบปัญหา เวลาเล่นคอนเสิร์ต เนื่องจากจำนวนผู้ฟังและขนาดของคอนเสริต์มีขนาดที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การถ่ายทอดกำลังเสียงที่แท้จริงของตัวกีต้าร์สู้ฟังผ่านภาคขยายนั้นดูจะเป็นเรื่องที่มีปัญหาอยู่มากในการเก็บทุกรายละเอียดของเม็ดเสียงเริ่มต้นจากการใช้ ไมโครโฟนจ่อที่ตัวกีต้าร์หรือใช้ระบบ magnetic ปิ๊กอัพจนกระทั่ง contact pickup แต่ระดับคุณภาพเสียงก็ยังไม่เป็นที่พอใจของหมู่นักดนตรีเหล่านั้น

สู่โปร่งไฟ้ฟ้า

    จากปัญหาที่กล่าวมาแล้วข้างต้นของนักกีต้าร์มืออาชีพนี่เอง ทำให้ปลายปี ค.ศ. 1970 ได้ทำการพัฒนาระบบ ภาพขยาย โดยทีมวิศวกรของทาคามิเน๊ะนั้น ได้คิดค้นภายใต้สมมุติญานของการใช้ จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ โดยสลัดความเชื่อ ความคิด และความรู้เดิมๆ ของการทำกีต้าร์ใน  แบบอนุรักษ์นิยมออกไป


   

อ้างอิง : https://www.guitarthai.com/webboard/question.asp?QID=406039


    จากผลของการคิดค้นนี้เอง ทำให้ทาคามิเน๊ะได้ประดิษฐ์ ระบบปิ๊กอัพที่หลากหลาย และปิ๊กอัพที่ได้ถูกเลือกเพื่อที่จะนำเข้ามาปรับใช้นั้นก็คือระบบ Palathetic pickup. ซึ่งโดดเด่นในเรื่องของความเป็นเอกลักษณ์ และนวัตกรรม ที่ได้รวมเอาการส่งถ่ายของ คลื่นความถี่ และแรงสั่นสะเทือน ที่ถูกถ่ายทอดลงจาก สะพานลองสาย ซึ่งสามารถลด feed back ของสายในแต่ละเส้น นั่นเองที่ Takamine ได้ประสบความสำเร็จในการกำหนดมาตราฐานใหม่ของอุตสาหกรรม ของ "กีต้าร์โปร่งไฟฟ้า" ในวันนี้โดยกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าทาคามิเน๊ะตัวแรกที่มาพร้อมกับระบบ Palathetic pickup ได้ถูกนำออกจำหน่ายในปี ค.ศ.1978.



ความสำเร็จในตลาด สหัรฐอเมริกา สู่ตลาดโลก

    ในเมษายน ปี ค.ศ.1979, Takamine ได้นำเสนอกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าตัวแรกสู่ตลาด สหรัฐอเมริกา.และอีกไม่นานกีต้าร์เหล่านั้นก็ได้ไปอยู่ในมือของ นักกีต้าร์ระดับโลกเช่น Ry Coodar, Bruce Springsteen และ Jackson Browne กับการแสดงคอนเสิร์ต ของพวกเขากับกีต้าร์ Takamine รวมไปถึง Glenn Frey จากวง The Eagles'  ได้ใช้กีต้าร์โปร่งไฟฟ้า Takamine ในแบบ กีต้าร์ 12สายในการเล่ อินโทรเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง "Hotel California". และนั่นเองทำให้ แบรนด์ Takamine โด่งดังและเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในหมู่ ศิลปินระดับโลกชาวอเมริกัน และแฟนเพลงทั่วโลกของพวกเขา

                                             

                                        Ry Coodar, Bruce Springsteen


นักกีตาร์ระดับโลก ที่เล่นกีตาร์ยี่ห้อ Takamine ตัวเเรกของโลก

อ้างอิง : https://www.pinterest.com/pin/119697302571699411/




Jackson Browne


นักกีตาร์ระดับโลก ที่เล่นกีตาร์ยี่ห้อ Takamine ตัวเเรกของโลก











ความคิดเห็น